กราฟ(Graph)
กราฟ(Graph)
กราฟเป็นโครงสร้างข้อมูลที่มีการนำไปใช้ในงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาที่ค่อนข้างซับซ้อน
เช่น วางข่ายงานคอมพิอเตอร์วิเคระห์เส็นทางวิกฤติ และปัญหาเส้นทางที่สั้นที่สุด
เป็นต้น
นิยามกราฟ
·
กราฟเป็นโครงสร้างที่นำมาใช้เพื่อแสดงความสำพันธ์ระหว่างวัตถุ
โดยแทนวัตถุด้วยเวอร์เท็กซ์ (Vertex) หรือโหนด (Node) และเซื่อมโยงความสำพันธ์ด้วยเอดจ์ (Edge)
·
เขียนในรูปของลักษณ์ได้เป็น G=(V,E)
·
V(G) คือ เซตของเวอร์เท็กซ์ ที่ไม่ใช้เซ็ตต่างๆ
และมีจำนวนจำกัด
·
E(G)
คือ เซตของเอดจ์ ซึ่งเขียนด้วยคู่ของเวอร์เท็กร์
ศัพท์ที่เกี่ยวข้อง
1.
เวอร์เทกซ์ (Vertex) หมายถึง โหนด
2.
เอดจ์ (Edge) หมายถึง เส้นเชื่อมของโหนด
3.
ดีกรี (Degree) หมายถึง จำนวนเส้นเข้าและเส้นออก ของโหนดแต่ละโหนด
4.
แอดจจาเซนท์โหนด (Adjacent Node) หมายถึง
โหนดที่มีการเซื่อมโยงกัน
อินดีกรีและเอาท์ดีกรี
·
แต่ละโหนดจะมีจำนวนเส้นเซื่อมระหว่างโหนดไม่เท่ากัน
·
In-Degree
แสดงจำนวนเส้นเซื่อมที่เข้ามายังโหนดนั้นๆ
·
Out-Degree
แสดงจำนวนเส้นที่ออกจากโหนดนั้นไป
·
ใน Undirected Graph จำนวน in-Degree
จะเท่ากัน
ตัวอย่างโครงสร้างข้อมูลแบบกราฟ
1.แอนจาเซนท์โหนด(Adjacent Node) : การเชื่อมโยงกันของโหนด
2.เส้นทาง(Path) : ใช้เรัยกลำดับของ เวอร์เทก ที่เชื่อมต่อกันจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง
3.Cycle : Path ที่ประกอบด้วยอย่างน้อย 3 Vertex ต้องมีจุดเริ่มต้นและสิ้นสุด
4.ลูป (Loop) : มีเพียง Edge เดียวและมีจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดเช่นเดียวกับ Cycle
ประโยชน์ของกราฟ (Routing เป็นการแสดงหาเส้นทาง)
·
NetWorek
(การเซื่อมต่อของอุประกรณ์ Router)
·
เพื่อใช้ในการรับส่งข้อมูลในเครื่องข่าย
ประโยชน์ของกราฟ (Algorithm Design)
·
Map
Coloring คือวิธีการระบายสีในแผนที่โดยใช้สีน้อยที่สุด
·
พื้นที่เดียวกันห้ามใช้สีหมือนกัน
เป็นการใช้จัดการเกี่ยวกับการทำโปรเจคต่าง
ๆ ว่าแต่ละขั้นตอนในการทำงานแต่ละขั้นตอนมีการทำงานแต่ละขั้นตอนกิ่ชั่วโมง กิ่วัน
เพื่อคำนวณค่าใช้จายและมีและมีเส้นทางใดบ้างที่สามารถเพิ่มหรือลดค่าใช้จ่าย หรือ
วันที่ทำให้น้อยลง ได้บ้าง เช่น การเขียนข่ายงานแบบ PERT หรือ
CPM
ชนิดของกราฟ
- การแบบไม่มีทิศทาง (Undirected Grehp) คือ กราฟที่เส้นเซื่อมไม่ลูกศรกำกับทิศทางทีมีความสัมพันธ์ของ 2 โหนดแบบไปและกลับ
- กราฟแบบมีทิศทาง (Deriected Grehp หรือ Digraph) คือ กราฟที่เส้นเซื่อมลูกศรกำกับทิศทาง เช่น อาจมีสายการบินจาก กรุงเทพ-เชียมเลียบ กำพูชา แต่ไม่มีสายการบินจากเชียบเลียบ-กรุงเทพ หรือ Edge แสดงค่าโดยสารที่มีราคา ไป-กลับำม่เท่ากันและค่าโทรศัพท์ไทยไปสิงคโปร์ แพงกว่าสิงคโปร์โทรหาไทย
การแทนที่กราฟในหน่วยความจำจะสามารถทำได้ใน 2 แบบคือ
1. Adjacency Matrix: ใช้อาร์เรย์เก็บข้อมูล
2. Adjacency List: ใช้ลิ่งค์ลิสต์เก็บข้อมูล
2. Adjacency List: ใช้ลิ่งค์ลิสต์เก็บข้อมูล
วิธีการท่องไปในกราฟ (Graph Traversal)
การท่องไปในกราฟ คือ แต่ละโหนดจะถูกเยือนเพียงครั้ง
เดี่ยว ดั้งนั้นจึงต้องมีค่าที่บอกว่าโหนดใด ได้ถูกเยือนไปแล้ว
และเทคนิในการท่องไปในกราฟ มี 2 แบบคือ
1.Depth-First
Traversal การท่องแบบลึก
เป็นการทำงานคล้ายกับการท่องทรี
โดยกำหนดเริ่มต้นที่โหนดแรกและเยือนโหนดถัดไปตามแนววิธีนั้นจนกระทั่งนำไปสู่ปลายวิธีนั้น
จากนั้นย้อนกลับ (Backtrack)
ตามแนววิธีเดิมนั้น
จนกระทั่งสามารถดำเนินต่อเนื้องเข้าสู่แนววิธีอื่นๆ เพื่อเยือนโหนดอื่นๆ
ต่อไปจนครบทุกโหนด
ตัวอย่าง
2.Breadth-First
Traversal การท่องแบบกว้าง
เป็นวิธีนิทำโดยเลือกโนหดที่เป็นจุดเริ่มต้น
ต่อมาให้เยือนโหนดอื่นที่อยู่ไกล้กันกับ
โหนดเริ่มต้นทีละระดับจนกระทั่งเยือนหมดทุกโหนดในกราฟ การเดินแบบนี้จะต้องใช้หน่วยความจำจำเป็นจำนวนมากในการเก็นข้อมูลในแต่ระละดับ
ที่เดินไป ทำให้ไม้เหมาะกับกราฟที่มีจำนวนเส้นเซื่อมในแต่ละ Vertex เป็นจำนวนมาก
ตัวอย่าง
Shortest
Path
- Shortest Path หมายถึง Path ที่สั้นที่สุดระหว่าง 2 Vertex
- หาเส้นทางการส่งข้อมูลจากต้นทางไปปลายทาง โดยให้มีระยะทางสั้นที่สุด
- ใส่ Vertex เริ่มต้นใน Tree
- เลือก Edge จาก Vertex ใน Tree ไปยัง Vertex ที่ไม่อยู่ใน Tree และมีผลรวมของ Weight ต่ำสุด
- ทำซ้ำข้อ 2 จนกว่าจะครบทุก Vertex
การหา Shortest Path จากโหนด A ไปยังโหนดอื่นๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น